Edutainment

Reborn Rich : การปรับโครงสร้างแชโบลในช่วง ยุค IMF


ซีรีส์เรื่อง Reborn Rich ดำเนินเรื่องไปเกินครึ่งทางแล้ว และยังคงหักมุมไม่หยุดด้วยการเฉือนคมทางธุรกิจของแต่ละตัวละคร เนื้อเรื่องยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อค่อยดำเนินเรื่องไปถึงช่วงหลังของปี 1997 ที่เกิดวิกฤติการณ์การเงินเอเชีย หรือเราได้ยินคนในซีรีส์เรียกว่าเป็นวิกฤติ IMF ซึ่งเกาหลีใต้ถือเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติในครั้งนั้นอย่างมาก

เรื่องราวในซีรีส์ในช่วงก่อนกลาง ๆ เรื่องไปจนถึงกลางเรื่อง จึงฉายให้เห็นตั้งแต่ปัญหาก่อนเกิดวิกฤติ ไปจนถึงการที่รัฐออกมาตรการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ของธุรกิจในขณะนั้น โดยเฉพาะกลุ่มแชโบล เพื่อหวังแก้ไขสถานการณ์และฟื้นฟูเศรษฐกิจให้ดีขึ้นจนสามารถชำระหนี้คืน IMF ได้ในที่สุด 

ในบทความนี้ Bnomic อยากจะมาเล่าถึงมาตรการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ของกลุ่มแชโบลในเวลานั้น ซึ่งจะช่วยให้ทุกคนที่ดูซีรีส์เข้าใจสถานการณ์ในตอนนั้นได้มากขึ้น

แชโบล…จุดเริ่มต้นของความรุ่งโรจน์และร่วงโรย

ในบทความก่อน Bnomics เคยเล่าเรื่องการก่อตั้งกลุ่มแชโบลไว้อย่างละเอียดแล้ว ถ้าใครยังไม่อ่านสามารถเข้าไปอ่านก่อนได้ที่ลิงก์นี้ Reborn rich:  “แชโบล” (Chaebol) กลุ่มบริษัทที่ทรงอิทธิพลทางเศรษฐกิจที่สุดในเกาหลีใต้

ในช่วงที่เศรษฐกิจเติบโตอย่างรวดเร็ว กลุ่มแชโบลถูกมองว่ามีบทบาทเป็นเหมือนกับตัวกระตุ้นทางเศรษฐกิจ แม้ว่าจะต้องแลกมากับการที่ธุรกิจขนาดเล็กไม่สามารถโตได้มากนัก เพราะเงินภาษีส่วนใหญ่ถูกนำมาอุดหนุนให้กับกลุ่มแชโบล 

แต่ก็ต้องยอมรับว่าเพราะกลุ่มแชโบล ที่ทำให้ในช่วงเวลานั้นเกาหลีใต้ผงาดขึ้นมาจากการเป็นประเทศด้อยพัฒนา สู่ประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 11 ของโลก เกาหลีใต้กลายเป็นประเทศที่มีศักยภาพในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์, ต่อเรือ, ยานยนต์, และเคมีภัณฑ์ จนได้เข้ามาเป็นสมาชิกกลุ่มประเทศ OECD ในปี 1996 

แม้ว่ากลุ่มแชโบลเป็นเครื่องยนต์สำคัญที่ช่วยให้เศรษฐกิจเติบโตได้ตามที่รัฐบาลต้องการก็จริง แต่ในอีกแง่หนึ่ง กลุ่มแชโบลก็มีส่วนผลักให้เศรษฐกิจเข้าสู่วิกฤติ IMF เช่นกัน 

เนื่องจากกลุ่มแชโบลเติบโตจนมีขนาดใหญ่ถึงจุดที่สามารถกอบโกยเอาทรัพยากรในประเทศไปใช้เพื่อประโยชน์ของธุรกิจตัวเองได้ อย่างในซีรีส์เราจะเห็นที่ซุนยังกรุ๊ป (บริษัทกลุ่มแชโบลขนาดใหญ่ในเรื่อง) ถูกเปรียบว่าเป็นเหมือนเส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงเศรษฐกิจ สามารถควบคุมทุก ๆ อย่างเพื่อให้เศรษฐกิจเดินไปได้

ในความเป็นจริง ความยิ่งใหญ่นั้นทำให้กลุ่มแชโบลมีอำนาจที่จะควบคุมระบบการเงินของทั้งประเทศและกำหนดนโยบายรัฐเลยด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะเป็น 

  • การกู้ยืมเงินมาใช้ในธุรกิจเกินความจำเป็นและนอกเหนือขอบเขตที่กฎหมายกำหนด
  • การขยายกำลังการผลิตอย่างไม่สิ้นสุด
  • การตั้งราคาสูงเกินกว่าที่ควรจะเป็น
  • การไล่ต้อนให้บริษัทคู่แข่งและบริษัทขนาดเล็กให้ออกจากตลาดไป
  • ไม่ค่อยพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ
  • ชักจูงให้รัฐบาลออกนโยบายจำกัดคู่แข่งรายใหม่ๆ
  • เก็งกำไรอสังหาริมทรัพย์และตลาดหุ้น
  • การสืบทอดธุรกิจหรือโอนมรดกโดยไม่เป็นไปตามระเบียบที่กฎหมายกำหนดในขณะนั้น

ทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้นนี้ ล้วนมีส่วนนำพาให้เกาหลีใต้ต้องเผชิญกับวิกฤติการเงินในที่สุด จากข้อมูลพบว่าในช่วงก่อนเกิดวิกฤติการเงินเอเชีย เกาหลีใต้มีหนี้ต่างประเทศสูงขึ้นเรื่อยๆ ประมาณกันว่าเกินกว่า 150 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งหลักๆ ก็เป็นหนี้ที่เกี่ยวข้อง หรือมาจากกลุ่มแชโบล

การยื่นมือเข้ามาของ IMF กับข้อเสนอปฏิรูปแชโบล

สถานการณ์เศรษฐกิจเกาหลีใต้ตอนนั้นค่อนข้างย่ำแย่ ตลาดการเงิน ตลาดหุ้นแทบจะหยุดชะงัก IMF จึงได้เข้ามาช่วยด้วยการให้เงินกู้ราวๆ 57 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่ออุ้มเศรษฐกิจเกาหลีใต้

แต่ความช่วยเหลือจาก IMF ก็แลกมาด้วยเงื่อนไขหลายข้อ หลัก ๆ คือ IMF ต้องการเข้ามาควบคุมกรอบนโยบายเศรษฐกิจมหภาค เพื่อจัดระเบียบนโยบายต่าง ๆ ซึ่งรวมไปถึงการปฏิรูปภาคการเงินและภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง

  1. IMF ต้องการให้อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจลดลง ให้รัฐบาลรัดเข็มขัด กำหนดดอกเบี้ยสูง ลดการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะปรับเปลี่ยนโครงสร้างและฟื้นฟูความเชื่อมั่นของนักลงทุน
  2. IMF ต้องการให้มีการปรับโครงสร้างทั้งภาคการเงินและภาคอุตสาหกรรม ประกอบด้วย การปิดสถาบันทางการเงิน บริษัทอุตสาหกรรม และปรับปรุงกฎให้บริษัทต้องเปิดเผยข้อมูล สามารถตรวจสอบได้
  3. กำจัดความไม่เป็นธรรมในธุรกิจและการค้า และสนับสนุนการเคลื่อนย้ายในตลาดแรงงานอย่างยืดหยุ่น

ในเวลานั้น บริษัทเกาหลีที่กู้เงินจากสถาบันการเงินต่างชาติเยอะๆ ก็ถูกบังคับให้ขายสินทรัพย์หรือบริษัทลูก เพื่อหาเงินมาชำระหนี้เงินตราต่างประเทศ บางบริษัทจำเป็นต้องลดขนาดลง เพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ ดังนั้นก็เลยมีบริษัทต่างชาติจำนวนมากที่เข้ามาลงทุน หรือเทคโอเวอร์ธุรกิจในเกาหลีใต้ไป จึงกดดันให้บริษัทที่เหลืออยู่ต้องเร่งปรับโครงสร้างเพื่อให้อยู่รอดต่อไปได้

แน่นอนว่ากลุ่มแชโบล ซึ่งมีส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดวิกฤติทางการเงินก็ถูกเพ่งเล็งให้ปรับโครงสร้างเช่นกัน 

ทาง IMF กดดันให้มีการปฏิรูปแชโบล รัฐบาลของประธานาธิบดีคิมแดจุงในขณะนั้นจึงต้องออกมาตรการตามที่ IMF ต้องการ คือ ให้กลุ่มแชโบลปรับโครงสร้างให้มีความคล่องตัว จากที่แต่เดิมมีการขยายบริษัทออกไปมากมายเกินความจำเป็น ซึ่งมาตรการนั้นประกอบไปด้วย

  1. ควบรวมธุรกิจให้เหลือแต่ธุรกิจที่เป็นความสามารถหลัก
  2. ปรับโครงสร้างทุน
  3. ยกเลิกการค้ำประกันหนี้ 
  4. ปรับปรุงความโปร่งใสในการบริหารจัดการ
  5. ปรับปรุงให้การบริหารงานสามารถตรวจสอบได้

จนกระทั่งในตอนหลัง ยังมีการเพิ่มกฎออกมาอีก 3 ข้อด้วยกันเพื่อลดการกระทำที่ไม่เหมาะสมในเชิงธุรกิจของแชโบล

  1. ลดการเป็นเจ้าของทางอ้อมในหลาย ๆ บริษัท
  2. ป้องกันไม่ให้มีการทำธุรกรรมภายในกลุ่มบริษัทแบบไม่แข่งขันตามจริง และการซื้อขายหลักทรัพย์โดยใช้ข้อมูลภายในที่ผิดกฎหมาย
  3. ป้องกันการหลบเลี่ยงภาษีมรดกและภาษีการให้

การปรับโครงสร้างของกลุ่มแชโบล ก็เพื่อที่จะส่งเสริมให้เกิดการแข่งขัน และให้กลุ่มแชโบลสามารถเติบโตได้ด้วยตนเองอย่างแท้จริงเสียที 

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าสุดท้ายแล้ว การปรับโครงสร้างแชโบลนั้นอาจไม่ได้เป็นไปอย่างที่ IMF ต้องการ ถ้าดูในซีรีส์จะเห็นว่ามีการใช้อำนาจต่อรองระหว่างกลุ่มแชโบลกับรัฐบาลอยู่หลายต่อหลายครั้ง เพื่อให้เกิดข้อตกลงที่ลงตัวกับทุกฝ่าย การปรับโครงสร้างแชโบลในตอนนั้น จึงอาจกลายเป็นเหมือนมาตรการที่รัฐบาลออกมาเพื่อเหตุผลในเชิงการเมืองมากกว่าเหตุผลทางเศรษฐศาสตร์จริง ๆ ทำให้ในทุกวันนี้ เราก็ยังคงเห็นกลุ่มแชโบลใหญ่ขึ้น และมีอำนาจมากขึ้นเรื่อย ๆ…

 


Reference :

https://business.columbia.edu/sites/default/files-efs/imce-uploads/PFS/APEC_New/PSLee.PDF

 

ชนาภา มานะเพ็ญศิริ
เรียนจบเศรษฐศาสตร์ แต่ไม่อยากโตไปเป็นนักเศรษฐศาสตร์อย่างเดียว เพราะเป็นผู้หญิงที่เติบโตมาในครอบครัวที่มีแนวคิดชายเป็นใหญ่ ก็เลยสนใจประเด็นความเท่าเทียมทางเพศด้วย เราเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งที่มีความตั้งใจอยากเห็นทุกคน ไม่ว่าจะเพศหรืออาชีพใด สามารถมีอิสระทางความคิดโดยไม่ถูกครอบงำจากบริบททางสังคม จึงอยากส่งผ่านความเป็นตัวเองผ่านงานเขียนทางเศรษฐศาสตร์ไปยังคนทั่วไป ให้รู้ว่าโลกนี้ยังมีพื้นที่สำหรับคนธรรมดาอย่างเรา และพื้นที่สำหรับทุกคน

    รายได้การค้าของบริษัทเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ของโลกในปี 2021

    Previous article

    10 ประเทศ “แฟนตัวยง”ของวันคริสต์มาส!

    Next article

    Comments

    Leave a reply

    Your email address will not be published. Required fields are marked *