ภาคอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลกกำลังหดตัวยกเว้นในสิงคโปร์ โดยราคาที่อยู่อาศัยส่วนตัวพุ่งขึ้นถึง 14% เมื่อเทียบแบบปีต่อปี อ้างอิงจากข้อมูลไตรมาสที่ 3 ของ Knight Frank ซึ่งนับว่าเป็นตัวเลขที่สวนทางกับเมืองใหญ่อื่นๆ อย่างฮ่องกงหรือซิดนีย์ ที่หดตัวถึง 7% และ 4% ตามลำดับในช่วงเวลาเดียวกัน
ภาคอสังหาริมทรัพย์ในเมืองที่เป็นศูนย์กลางทางการเงินหลายเมืองกำลังถูกกดดันจากอัตราดอกเบี้ยที่พุ่งสูงขึ้นและความกลัวต่อการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก โดยนักวิเคราะห์จาก Goldman Sachs คาดว่าราคาบ้านในฮ่องกง ซึ่งเป็นตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่มีราคาเข้าถึงได้ยากที่สุดในโลกในขณะนี้ ก็อาจร่วงลงได้มากถึง 30% ภายในสิ้นปี 2566
ขณะที่ สิงคโปร์กำลังเผชิญปัญหาที่ตรงกันข้าม โดยจากนโยบายที่อยู่อาศัยที่รัฐอุดหนุน (Public Housing) ทำให้สิงคโปร์มีอัตราการเป็นเจ้าของบ้านสูงถึง 90% ณ ปี 2564 และจากค่าจ้างที่แท้จริงเฉลี่ยต่อปีที่กำลังเพิ่มขึ้นเกือบ 20% ตั้งแต่ปี 2560 และการจ้างงานรวมที่กำลังขยายตัว ทำให้หลายครัวเรือนกำลังจะยกระดับไปเป็นที่พักอาศัยส่วนตัว
นอกจากนี้ เศรษฐีชาวจีนก็กำลังมองหาหลุมหลบภัยทางการเงินเพื่อพักสินทรัพย์ของตัวเองให้พ้นจากนโยบายความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันของจีน โดยในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2565 พบว่าประมาณ 1 ใน 5 ของคอนโดหรูจำนวน 425 แห่งที่ขายในสิงคโปร์ถือครองโดยผู้ซื้อชาวจีน และหลังจากที่จีนกลับมาเปิดประเทศอีกครั้ง เงินทุนไหลออกก็อาจจะมีเพิ่มขึ้นตามมา ซึ่งจะช่วยป้องกันการแก้ไขปัญหาที่เจ็บปวดและฉับพลันให้แก่สิงคโปร์ โดย Leonard Tay นักวิเคราะห์ของ Knight Frank คาดว่าราคาที่พักอาศัยส่วนตัวจะเพิ่มขึ้นถึง 5% ในปี 2566 ซึ่งความเฟื่องฟูของภาคการเคหะของสิงคโปร์จะแข็งแกร่งพอที่จะรับมือกับความปั่นป่วนในปีหน้าได้
Reference :
https://www.reuters.com/breakingviews/singapore-withstands-global-property-downturn-2023-01-03/
Comments